วันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

วิธีทำ กราวน์ไวร์ Ground Wire

บทความโดย : webmaster@thaispeedcar.com

:: กราวน์ไวร์ Ground Wire
                     เป็นอุปกรณ์ที่ได้รับความนิยมกันมากในรถแข่ง แต่ที่เราไม่ค่อยจะได้เห็นเพราะส่วนใหญ่เขาจะไม่ใช้สีสันใช้เป็นสายสีดำจนเรามองผ่านๆ เป็นส่วนช่วยให้ไฟฟ้ากระแสลบเดินครบวงจรมากขึ้นกว่าการใช้ตัวถังรถเป็นส่วนนำไฟฟ้าแบบโรงงาน

แล้วมันช่วยอะไรได้บ้าง
                     จากการสัมภาษณ์ผู้ที่ติดตั้งร้อยละเก้าสิบให้ความคิดเห็นว่า อัตราเร่งดีขึ้น เครื่องยนต์เดินเรียบขึ้นมีแนวโน้มประหยัดน้ำมันมากขึ้นแต่ไม่กินมากไปกว่าเดิมแน่ ( ยกเว้นแต่จะกระทืบคันเร่งมากกว่าเดิม ) สตารท์ง่ายขึ้น เสียงดังของอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น ปั้มติ๊ก พัดลมแอร์ เสียงกวนวิทยุลดลง และอีกมากมายมีแต่จะดีขึ้นมิน่าล่ะนักแต่งรถอเมริกาและญี่ปุ่นถึงนิยมกันนัก อย่างนี้ต้องรีบหามาติดตั้งบ้าง แต่พอไปเจอราคาแล้วแทบจะเปลี่ยนใจ เพราะราคามีตั้งแต่ 1,500 จนถึง 8,000 บาท ยิ่งเป็นของสำนักแต่งแรงๆกลับยิ่งแพงมาก หน้าตาก็เหมือนๆกันเก็บสตางค์ไว้เติมน้ำมันดีกว่า แต่จริงๆแล้วเราสามารถทำเองได้ด้วยงบประมาณไม่กี่ร้อยบาทอย่างนี้ค่อยน่าลงทุนลงแรงทำกันหน่อย
 
:: รู้จักประโยชน์ และ จุดที่จะติดตั้ง
                         ก่อนที่เราจะติดตั้งคุณต้องรู้ก่อนว่าจะติดตั้งที่ไหนเพราะอะไรจึงจะมีประโยชน์สูงสุด และ สิ้นงบประมาณ น้อยที่สุด

1. แบตเตอร์รี่ ที่ขั้วลบเป็นหัวใจหลักของงานเป็นตัวที่เราจะดึงกระแสไฟฟ้า ไปใช้ในส่วนต่างๆ ของ เครื่องยนต์ และในรถนต์

2. ขั้วดินของไดชารจ์ ไดชารจ์เป็นตัวสร้างกระแสไฟไปเก็บสะสมไว้ที่แบตเตอร์รี่ ถ้าไฟชารจ์เข้า แบตเตอร์ร ี่ได้ไวขึ้นไดชารจ์จะตัดการทำงานเป็นการลดภาระของเครื่องยนต์ มีส่วนให้ประหยัดน้ำมัน ได้มากขึ้น

3. ขั้วกราวน์ของกล่องคอมพิวเตอร์ เป็นศูนย์รวมของกระแสลบที่จะต่อเข้าเซนเซอร์ต่างๆ เช่น กล่องควบคุมเครื่องยนต์ , หัวฉีด , คอยล์ , จานจ่าย ,ปั้มน้ำมัน,เซนเซอร์เครื่องยนต์ ฯลฯ ส่วนใหญ่ ่ทุกเครื่องยนต์จะมีสายรวมกราว์นที่ออกมาจากกล่องคอมพิวเตอร์ เป็นชุดสายไฟยึดลงกราวน์รวมไว้ที่เครื่องโดยอาศัยโลหะตัวเครื่องเป็นตัวส่งกระแสไฟแต่ตัวเครื่องยนต์นั้นประกอบด้วยโลหะหลายชนิด รวมกันทำให้เกิดความต้านทาน ดังนั้นการต่อไฟตรงจะทำให้กล่องและเซนเซอร์ต่างๆ ควบคุมทำงาน ได้เต็มที่ เครื่องยนต์เดินราบเรียบขึ้น อัตราเร่งดีขึ้น

4. สายกราวน์รวมของตัวถังรถยนต์ สังเกตว่าโรงงานจะอาศัยตัวถังรถยนต์ที่เป็นเหล็กเป็นส่วนนำไฟฟ้า แต่เนื่องจากเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ จะมีความต้านทานมากสูญเสียพลังงานไฟฟ้า ดังนั้นจึงควรมองหา สายดินรวมของตัวถังรถยนต์ ส่วนใหญ่แล้วมักต้องไล่ดูจากชุดสายไฟ จะทำให้ระบบไฟต่างๆ ในรถยนต์ ทำงานดีขึ้น เช่นไฟหน้าสว่างขึ้น พัดลมไฟฟ้าทำงานแรงขึ้น และอีกมาก

5. สายดินของเครื่องยนต์ แถวๆไดสตาร์ทจะทำให้รถสตาร์ทติดได้ง่ายขึ้น

6. อุปกรณ์เสริมต่างๆ เช่น ปั้มน้ำมันเชื้อเพลิง เครื่องเสียง เพาเวอร์แอมป์ ที่เพิ่มเข้าไปจะทำให้ทุกอย่าง ทำงานได้้มีประสิทธิภาพมากขึ้น


:: การเตรียมอุปกรณ์ 

1. สายไฟขนาด 6 mm หรือ 8 mm เลือกได้  ทุกสีตามใจชอบ หาซื้อได้ที่บ้านหม้อ หรือ  ร้านเครื่องเสียงทั่วไป ราคาเมตรละ 40 – 80 บาท


2. แผ่นทองแดง , ทองเหลือง , หรืออลูมิเนียม , เหล็ก  หนาซัก 1.5 – 2 หุน หาได้ตาม ร้านขายของเก่า  หรือร้านฮาดท์แวร์ ขายเป็น กิโลกรัม  ราคาแล้วแต่วัสดุที่เลือกใช้ เพื่อนำกระแสไฟฟ้า ( ดูจากค่านำกระแสไฟ ดีที่สุดคือ ทองคำขาว > ทองคำ > เงิน > ทองแดง > ทองเหลือง > สแตนเลส > เหล็ก >  อลูมิเนียม ) ถ้าเป็นทองเหลืองของใหม่ ก.ก. ละ  200 – 250 บาท (ใช้ไม่เกิน 2 ขีดต่อตัวหละครับ)


3. หัวหางปลาที่จะเชื่อมกับสายไฟ ใช้หัวแบนกลม ประมาณ 10- 12 ตัว ราคาตัวละ 3 – 5 บาท


4. น็อตสแตนเลสหกเหลี่ยมยึด ใช้เป็นเบอร์ 10 ยาว 1/2 นิ้ว 6 ตัว ราคาตัวละ 5 -10 บาท / ตัว


5. อุปกรณ์ต่างๆ เช่น ตะกั่วบัคกรี ท่อหด เทปพันสายไฟ สายรัด
 

:: ขั้นตอนการทำ

1. หากระดาษแข็งมาวาดรูปแล้วตัดกระดาษแบบให้ได้รูปตามที่เราต้องการ

2. นำแบบทาบกับวัสดุ เช่นทองเหลือง หรืออลูมิเนียม ที่จะใช้เป็นเพลทยึดสายไฟให้ได้ตามแบบ แล้วตัดแผ่น ทองเหลือง หรือ วัสดุให้ได้ตามแบบ แล้วทำการตกแต่งชิ้นงาน

3. เจาะรูวัสดุที่แผ่นเพลต ตราฟเกลียว เพื่อใช้ยึดน๊อตหกเหลี่ยม

4. วัดสายไฟในจุดที่ต้องการแต่ละจุด ตัดสายไฟออกเป็นเส้นๆ แล้วสวมหางปลา แล้วบัคกรีตะกั่ว  เพื่อความแน่นหนา

5. นำแผ่นเเพลตยึดกับจุดในตัวรถ หรือแบตเตอร์รี่ แล้วนำสายที่ใส่หางปลา แล้วมายึดติดแล้วต่อ  ไปยังจุดและอุปกรณ์ที่ต้องการ


:: ข้อเเนะนำ   ควรเช็คให้ดีว่าจุดที่จะยึดเป็นจุดกราวน์แน่นอน ถ้ามีการย้ายเเบตเตอร์รี่ไว้หลังรถ ควรต่อสาย ไปยังเเบตเตอร์รี่เลยดีที่สุด ควรหาสายรัดและเทปพันสายไฟพันสายไฟเพื่อป้องกันไฟรัดวงจร  และห่างจากจุดหมุนพวกสายพาน สายไม่จำเป็นต้องใช้สายที่มีขนาดใหญ่มาก สิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ  แต่ควรจะยึดในส่วนที่สำคัญและหลายๆจุดดีกว่า หรือทำไว้หลายๆตัวแล้วเดินสายให้ได้มากจุดที่สุด

Oil Filter Magnet ทำเองง่ายๆ ด้วย โครตแม่เหล็ก Hard Disk

Oil Filter Magnet เป็นอุปกรณ์เก่าแก่ที่มีมานานนมแล้ว อย่างภูมิปัญญาชาวบ้านที่ผมเห็นมาตั่งแต่เด็กๆ สมัยก่อนนักแต่งรถรุ่นเก๋าๆ หรือช่างรุ่นเก่าๆ มักจะหาแม่เหล็กลำโพงดำๆ กลมๆ มาแปะไว้ตาม ไส้กรองน้ำมันเครื่องบ้าง ถ้าตัวใหญ่หน่อยก็จะเอามาแปะไว้แถวก้นแคล็ง เห็นแล้วก็อดสงสัยไม่ได้ ? เลยต้องถามต่อว่า (ติดไว้เพื่ออะไรหรอครับ) คำตอบที่ได้คือ ก็เอาไว้ดักเศษเหล็กนะซิ ดีนะ ถ้าได้ลองถอดแคล็งมาดูแล้วจะรู้ เศษเหล็กติดเพียบเลย ดูอย่างน๊อตถ่ายน้ำมันเกียร์ซิ ยังมีแม่เหล็กติดมาเลย เพื่ออะไรล่ะ (น่าคิดครับ ผมเป็นคนที่ถ่ายน้ำมันเกียร์เองเป็นประจำ ทุกครั้งจะเห็นได้ว่าจะมีเศษโลหะ ติดหนึบอยู่บนน๊อตถ่าย มากมายก่ายกอง เป็นผงเล็กๆดำๆ ต้องเช็ดล้างให้ดี ถึงจะกล้าใส่กลับเข้าไปใหม่) แต่ปัจจุบัน Oil Filter Magnet กลับกลายเป็นอุปกรณ์ยอดนิยมสำหรับรถแต่งต่างประเทศ ขนาดวิจัยทำออกมาขาย หลายรุ่น หลายรูปแบบ หลากสีสันให้เลือกซื้อ (ถ้ามีเงิน) เหมือนใน Speed DIY ตอนนี้เป็นวิธีง่ายๆ ในการทำ Oil Filter Magnet แบบไม่ต้องลงทุนสักบาทเดียว แถมยังทำให้เครื่องยนต์สะอาดขึ้น ทนทานขึ้นได้อย่างไร มาติดตามกันดูครับ



รูป Oil Filter Magnet จากสำนักแต่งต่างๆ ที่ทำออกมาขาย หลายแบบ หลากสีสัน



Oil Filter Magnet เป็นอุปกรณ์จับอนุภาคของโลหะ จำพวกธาตุเหล็ก ที่ปะปนอยู่ในน้ำมันเครื่อง แน่นอนทุกการเคลื่อนไหวของเครื่องยนต์ ทุกรอบ ทุกวินาที ความสึกหรอของเครื่องยนต์ย่อมขึ้น และในส่วนประกอบของเครื่องยนต์นั้น ก็ประกอบไปด้วยวัสดุที่เป็นโลหะเสียเป็นส่วนมาก โลหะเมื่อได้รับการเสียดสี ผิวของโลหะก็จะเริ่มแตกหลุด หรือลอกออกมา เป็นชิ้นเล็กๆน้อยๆ ส่วนหนึ่งหลุดออกมาทางระบบระบายไอเสีย (มาให้เราได้หายใจกันจนชุ่มปอด) และอีกส่วนก็จะถูกน้ำมันเครื่องชะล้าง ไหลลงก้นแคล็ง แล้วถูกป้อนเข้าสู่ไส้กรองน้ำมันเครื่องเป็นตัวดักจับสิ่งสกปรก และเศษโลหะเหล่านี้ให้ติดอยู่ในไส้กรองน้ำมันเครื่องอีกครั้ง  Oil Filter Magnet ก็คือแม่เหล็กดีๆนี่เอง ติดตั้งอยู่รอบๆ ไส้กรองน้ำมันเครื่อง เพื่อดักจับเอาเศษโลหะ จำพวกเหล็ก เอาไว้โดยสนามแม่เหล็ก ให้ติดอยู่กับไส้กรอง มีผลดีคือทำให้เครื่องยนต์สะอาดขึ้น เศษเหล็กที่ไส้กรองไม่สามารถดักกรองเอาไว้ได้ จะถูกดูดติดเอาไว้ ไม่สามารถย้อนกลับมาทำอันตรายกับเครื่อง ซึ่งจะมีผลทำให้เครื่องยนต์สึกหรอช้าลง



รูปแสดง Hard Disk ที่พร้อมจะเอามาแกะแม่เหล็ก และ อุปกรณ์เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องไปพร้อมๆกัน


อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม  1. Hard Disk เก่าๆที่เสียแล้ว(รอช่างโล) ซัก 1 – 2 ตัว ซื้อตามคลองถม หรือพวกขายของเก่า (ตามในรูปผมได้การอนุเคราะห์มาจากสมาชิกท่านหนึ่ง ที่บอกว่ายังมีประโยชน์ด้วยหรือ เสียดายทิ้งไปตั้งหลายเข่งแล้ว) หรือจะซื้อ Hard Disk ใหม่มาถอดก็ไม่ว่ากันครับ 2. ไส้กรองน้ำมันเครื่องใหม่  3. เครื่องมือถอด Hard Disk จำพวก ไขควง, ประแจหกเหลี่ยม , คีม หรือค้อน,เลื่อย ถ้าคิดว่าจะต้องแยกชิ้นส่วนกันจริงๆแล้ว อย่าเสียดาย!


รูปแสดงการถอดแม่เหล็กออกจาก Hard Disk ที่เสียแล้ว


เริ่มถอดแม่เหล็กจาก Hard Disk
1. ถอดน๊อตยึดฝาครอบฮาร์ดดิสออก ด้วยไขควง หรือบางรุ่นอาจต้องใช้ไขควง เฉพาะแบบ หรือถ้าไม่เกรงใจก็งัดทิ้งได้เลย
2. ถอดแม่เหล็กฮาร์ดิส ออกมาจากเฟรม สังเกตว่าจะมีแม่เหล็กแรงสูง แบบสามเหลี่ยม ประกอบอยู่จำนวน 2 ตัว
3. นำแม่เหล็กมาติดกับ ไส้กรองน้ำมันเครื่องที่เตรียมไว้ แม่เหล็กจะดูดติดกับไส้กรองแบบแนบแน่นสนิท แบบไม่ต้องพึ่งเทปพันกาว แต่อย่างไร
4. นำไส้กรองที่ติดตั้งแม่เหล็ก ไปติดตั้งกับเครื่องยนต์


รูปแสดงการนำไส้กรองน้ำมันเครื่องที่ติดแม่เหล็กไว้ มาติดตั้งกับเครื่องยนต์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว



บทพิสูจน์คุณภาพ   หลังจากที่เราทำการติดแม่เหล็กกับไส้กรองน้ำมันเครื่อง ติดตั้งและใช้งานกับเครื่องยนต์เป็นระยะเวลา 1,0000 กิโลเมตร ก็ถึงเวลาผ่าไส้กรอง พิสูจน์หลักฐานว่า อำนาจแม่เหล็ก Hard Disk จะแน่สักแค่ไหน



รูปแสดงเศษเหล็กที่ติดอยู่บริเวณที่มีแม่เหล็กติดตั้งเอาไว้


ผลสรุปคุณภาพ ผลปรากฏว่ามีเศษโลหะขนาดเล็กๆราวผงช็อค ติดอยู่บริเวณผนังไส้กรองที่ได้ติดแม่เหล็กเอาไว้ แม้ว่าจะนำไส้กรองไปทำการล้างด้วยน้ำมันเบนซินให้สะอาดขึ้น แต่เศษเหล็กก็ยังคงติดอยู่ แสดงว่าการสึกหรอของเครื่องยนต์นั้นมีเศษเหล็กเกิดขึ้นจริง และแม่เหล็กสามารถดักจับเอาไว้ได้ (ตามรูปจะเป็นเศษโลหะที่เกิดกับเครื่องส่วนหนึ่ง และเศษโลหะที่เกิดขึ้นขณะผ่าพิสูจน์ไส้กรอง มารวมกันเลยดูว่าเยอะ อย่าตกใจครับ)
เป็นไงบ้างครับ กับไอเดียง่ายๆ ไม่เสียเงิน แต่ได้ประโยชน์คุ้มค่าใช่ไหมครับ แต่อย่าลืมล่ะ ถ้าจะถ่ายน้ำมันเครื่องครั้งต่อไป ถอดแม่เหล็กมาแปะกับไส้กรองลูกใหม่เอาไว้ด้วย ไม่ใช่ทิ้งทั้งไส้กรองทั้งแม่เหล็ก แบบนี้ต้องหา Hard Disk กันสักโหล สองโหล จริงไหมล่ะสวัสดีครับ








ค้ำโช๊ค ทำง่ายๆ ด้วยตัวคุณเอง

รูปภาพ + วิธีการทำ O-Racing-Shop

เรียบเรียงเนื้อหา Webmaster@thaispeedcar.com


สำหรับบทความนี้ อันดับแรกผมต้องขอขอบคุณ ข้อมูล รูปภาพ จากร้านสมาชิกตลาดสินค้ายานยนต์ออนไลน์ของเรา O-Racing-Shop ที่ได้เอื้อเฟื้อข้อมูลในครั้งนี้  ค้ำโช๊คที่เราเห็นขายๆกันในร้านแต่งรถก็ดี ของมือสองก็ดี ล้วนมีประโยชน์ทั้งนั้น ถ้าเป็นรถรุ่นใหม่ๆ ส่วนมากเขาก็จะทำออกมาขายกันมากมาย มีให้เลือกซื้อกันหลายยี่ห้อ (ขอให้มีเงิน) แต่ถ้าเป็นรถเก่า การจะหาค้ำโช๊คมาใส่ซิ่งสักตัว เปรียบเสียยิ่งกว่า งมเข็มในมหาสมุทร งานนี้จึงต้องตกภาระพระเอก ทำเองอีกแล้ว สำหรับรถรุ่นใหม่ๆ ก็สามารถทำเองได้ เพียงเดินหาค้ำโช๊คเชียงกงดีๆ (ถูกๆ) สักตัว มาดัดแปลงทำใช้เอง แต่ก่อนที่จะลงมือทำกัน มีหลายคนยังสงสัยว่า ค้ำโช๊ค เนี่ย ? เขาใส่กันเพื่ออะไร มีประโยชน์อย่างไร ผมจะถือโอกาสเหลาให้เข้าใจสักเล็กน้อย จะได้เห็นว่า มันน่าลงมือ ลงแรงทำกันแค่ไหน เพื่อให้สมาชิก www.thaispeedcar.com ทดลองทำใช้เองกันบ้าง

Strut Tower Bar คืออะไร มีกี่ชนิด  เหล็กค้ำโช๊ค (Strut Tower Bar) , (Strut Bar) หรือบางคนเรียก ไทร์บาร์ เป็นแกนกลางยึดระหว่าง หัวเบ้าโช๊คทั้งสองด้านของตัวถังรถยนต์ มีหน้าแปลนยึดติดกับหัวเบ้าโช๊ค หน้า - หลัง หรือค้ำยันกับตัวถังรถส่วนใดส่วนหนึ่ง จุดประสงค์การผลิตทำขึ้นเพื่อลดอาการบิดตัวของตัวถังรถ จริงๆแล้วความนุ่มนวลในการขับขี่ และ การเกาะถนนนั้น ได้รับตัวแปรสำคัญมาจากตัวถังรถ (ง่ายๆว่า) ตัวถังจะมีการบิดตัวไปมา ซ้าย-ขวา บน-ล่าง ตามสภาวะจริงที่รถวิ่งผ่านไปตามสภาพถนน (ถ้าคุณได้เคยเห็นภาพการทดสอบตัวถังรถ จะเห็นว่าจริงๆแล้วตัวถังสามารถบิดตัวได้น่าอย่างอัศจรรย์) เป็นส่วนทำให้รถมีการขับขี่ที่นุ่มนวล ดังนั้นการเพิ่มจุดเชื่อมตัวถัง การตีโรลบาร์ หรือการสร้างเหล็กมาเสริมความแข็งแรงกับตัวถังรถ รวมถึงการติดตั้ง Strut Tower Bar นั้นเป็นวิธีการที่วงการแข่งขันรถยนต์ทำนิยมกัน เพื่อรองรับการใช้งานที่หนักขึ้นและลดการบิดตัวของตัวถังนั่นเอง ชนิดของ Strut Tower Bar มี 2 แบบ คือแบบปรับตั้งไม่ได้ เป็นลักษณะเชื่อมติดตายตัว กับหน้าแปลนยึดเบ้าโช๊ค หรือมีน็อตไขติด แบบนี้จะช่วยในด้านความแข็งแรงมากกว่า กับแบบปรับตั้งได้ ส่วนแบบนี้จะเป็นแบบละเอียดช่วยในด้านการค้ำยันตัวถัง ด้วยการปรับตั้งให้เบ้าโช๊คทั้ง 2 ด้านให้หุบเข้าหรือ กางออก  วัสดุในการผลิต Strut Tower Bar  วัสดุที่ใช้มีทั้งแบบที่เป็นเหล็กทั้งหมดซึ่งส่วนมากจะเป็นเหล็กเกรดพิเศษซึ่งความแข็งเหนียว ยืดหยุ่นได้ดีพวกโคโมลี่ ชนิดนี้จะมีความแข็งแรง แต่ก็ให้ความแข็งกระด้างมากเพราะการให้ตัวน้อย ส่วนแบบที่เป็นอะลูมิเนียมพวกนี้จะให้ทั้งน้ำหนักที่เบา และมีความยืดหยุ่นมากกว่า จนถึงแบบที่ทำด้วย ไททาเนียม พวกนี้เน้นที่น้ำหนักเบา และความแข็งแรงสูง (พอๆกับราคา) ส่วนแบบที่ใช้ทั้งเหล็ก และอลูมิเนียมร่วมกัน พวกนี้จะให้ทั้งความแข็งแรง และความยืดหยุ่นไปด้วยพร้อมๆกัน ในปัจจุบันนิยมแบบที่ทำด้วยกราไฟท์ หรือคาบอนเคฟล่า แบบนี้จะให้ความสวยงาม ความยืดหยุ่นดี เรื่องของขนาด ความหนา และรูปทรง รวมถึงจุดยึดต่างๆ และการเลือกใช้วัสดุแกนกลางนั้น ล้วนแต่มีความสัมพันธ์กับความยืดหยุ่นทั้งสิ้น ซึ่งจะให้ผลที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน  ประโยชน์ของ Strut Tower Bar   มีประโยชน์มากมาย ตั่งแต่ ช่วยให้การควบคุมรถได้ดีขึ้น ทำให้ตัวถังรถแข็งแรงมากขึ้น ลดอาการเสียหายกับตัวถังโดยเฉพาะรถที่ใช้งานหนัก หรือรถเปลี่ยนช่วงล่างให้ที่แข็งขึ้นมากๆ ซึ่งจะทำให้ภาระทั้งหมดตกมาเป็นของตัวถังรถ ซึ่งจะช่วยลดภาระของตัวถังได้มาก และช่วยในการปรับตั้งมุม Camber ให้กับรถที่เกิดอุบัติเหตุ ได้อีกด้วย  ความเสียหายที่จะเกิดขึ้น กับ Strut Tower Bar บ่อยครั้งที่เราจะได้พบความเสียหาย กับ ค้ำโช๊คในรูปแบบต่าง ๆ เช่นค้ำโช๊คงอ บิดเบี้ยว เสียรูป หรือค้ำโช๊คหัก ทุกอย่างย่อมเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะเมื่อเวลาที่ตัวถังรถ ได้รับแรงกระทำมาก เช่นตกหลุมแรงๆ หรืออุบิติเหตุ เป็นเพราะการบิดตัวของตัวถังที่รุนแรง การบิดตัวเข้าหากัน รวมถึงการติดตั้งแบบไม่ถูกต้อง

กว่าจะมาเป็นค้ำโช๊ค โดย O-Racing-Shop  เตรียมหาอุปกรณ์ 1. เหล็กค้ำโช๊คเก่าๆ มือสอง พวกค้ำโช๊คแบบไม่ตรงรุ่น หรือว่าไม่รู้ว่าใส่รุ่นไหนได้ พวกร้านเชียงกงส่วนมากจะขายแบบถูกๆ อันละ 500 ไม่เกิน 800 บาท (ใช้เฉพาะแกนค้ำกลาง เลือกให้มีขนาดความยาวใกล้เคียงพอที่จะใส่รถเรา ไม่ยาวหรือสั้นเกินไป)

2. ท่ออะลูมิเนียมกลวง 7 หุน ความหนาสัก 1 หุน หรือ 3 มิลิเมตร ยาวสัก 1 เมตร และ อลูมิเนียมแบบแท่งตันขนาด 7 หุน ยาวสัก 2 นิ้ว ใช้ในงานสร้างแกนกลางค้ำโช๊คเอง  3. สีสเปย์พ่น ประกอบด้วยสีรองพื้นกันสนิม และสีทับหน้าจริง ชอบสีไหน แล้วแต่ความพอใจ 5. น็อตแบบ หกเหลี่ยม เบอร์ 17 ยาว 2 นิ้ว ใช้เป็นน็อตยึดระหว่างหน้าแปลน และแกนค้ำ 6. อุปกรณ์ตัดแบบ ประกอบด้วย กระดาษแข็ง ปากกา กรรไกร และตลับเมตร ใช้ในการวัดความยาวจุดต่างๆ

เริ่มต้นกระบวนการผลิต  1.ใช้กระดาแข็ง ทาบกับหัวโช๊ค ที่ตัวรถ แล้วออกแบบคร่าวๆของหน้าแปลนค้ำโช๊ค  2. นำกระดาษแข็งที่ได้มาตกแต่งให้ได้รูปแบบที่ต้องการ จากนั้นก็นำแบบกระดาษแข็งที่ได้ไปให้ร้านตัดเหล็กตามแบบกระดาษแข็งต่อไป ขนาดความหนาของเหล็กที่ตัด 4.5 มม.

3. นำเหล็กที่ได้จากการตัด มาเจียรตกแต่งส่วนเกินต่างๆให้ได้รูปสวยงาม แล้วนำไปเจาะรูตามแบบ (ข้อควรระวัง ต้องเจาะรูให้ได้ตามแบบมากที่สุด) แล้วนำเหล็กมาทดลองใส่ที่หัวโช๊คที่รถ

4. นำเหล็กมาตัดเป็นหูของค้ำโช๊ค ตามรูปแบบที่ต้องการ จำนวน 2 ตัว เจาะรูแล้วนำไปยึดติดกับแกนค้ำโช๊ค จากนั้นก็นำไปวางบนเหล็กหน้าแปลนที่ยึดติดไว้กับหัวโช๊คที่รถ วัดตำแหน่งให้ได้ Center แล้วเชื่อมหูค้ำโช๊คให้ติดกับหน้าแปลน เชื่อมแค่พออยู่เท่านั้น

5. นำหน้าแปลน ที่เชื่อมหูแล้วถอดออกจากหัวโช๊ค ส่งต่อไปเชื่อม ด้วยเครื่องเชื่อมแบบ อาร์กอน ซึ่งจะให้รอยเชื่อมที่สวยงามและแข็งแรงกว่า 6. นำหน้าแปลนที่เชื่อม ติดกับหูแล้วมา ตกแต่ง ขัดผิวให้สวยงาม ด้วยเครื่องเจียร ตะไบ และกระดาษทราย เพื่อเตรียมพ่นสี

เป็นไงบ้างครับ กับวิธีการผลิตค้ำโช๊ค แบบ Hand Made ใช้เองสักอัน เป็นการลงทุนที่น้อยกว่า และสำหรับแกนค้ำโช๊ค เราก็สามารถทำเองได้ ตามไอเดียของท่านว่าชอบแบบไหน ด้วยแท่งอะลูมิเนียม สร้างหูยึด และเชื่อมติด ได้อย่างง่ายๆ เลือกความสวยงามได้ตามใจชอบ ไม่ต้องคอยพึ่งร้าน หรือเดินหาของให้ เสียเวลา (เสียค่าน้ำมันแพงๆ) อีกด้วยครับ